EV

ประเภท รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปี 2025

ในยุคที่ใครๆก็พูดถึง รถยนต์ไฟฟ้า กันอย่างมาก บวกกับกระแสของราคารถยนต์ไฟฟ้าก็เย้ายวนให้หลายๆคนหันมาสนใจกันซะเหลือเกิน บทความนี้ ผมเลยอยากจะพูดเรื่องพื้นๆกันครับ

Electric Vehicle (EV) คือ รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแทนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่เป็นหลัก

ประเภทของ รถยนต์ไฟฟ้า มีดังนี้:

  1. BEV (Battery Electric Vehicle)
    • ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า 100% ไม่มีเครื่องยนต์สันดาป
    • ต้องชาร์จไฟจากแหล่งภายนอกเท่านั้น
    • การบำรุงรักษาน้อย เนื่องจากไม่มีน้ำมันเครื่อง ระบบไอเสีย หรือชิ้นส่วนเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน
    • ตัวอย่าง: Tesla Model 3, MG4, BYD Dolphin
  2. PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle)
    • มีทั้งมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาป
    • ชาร์จไฟจากภายนอกได้ และสามารถขับด้วยไฟฟ้าอย่างเดียวในระยะสั้น
    • การบำรุงรักษาใกล้เคียงกับรถยนต์ทั่วไป เนื่องจากยังมีเครื่องยนต์ แต่ใช้พลังงานไฟฟ้าช่วยลดภาระเครื่องยนต์
    • ตัวอย่าง: Haval H6 PHEV, BMW 330e
  3. HEV (Hybrid Electric Vehicle)
    • มีมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สันดาป
    • ไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้
    • ต้องดูแลทั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องยนต์
    • ตัวอย่าง: Toyota Prius, Honda Accord Hybrid
  4. EREV / REEV (Extended-Range Electric Vehicle)
    • ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 100%
    • มีเครื่องยนต์สันดาปขนาดเล็กสำหรับปั่นไฟไปชาร์จแบตเตอรี่ (เครื่องยนต์ไม่ได้ขับล้อ)
    • ต้องบำรุงรักษาทั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ แต่เครื่องยนต์มักใช้งานไม่หนัก จึงมีอายุการใช้งานยาวนาน
    • ตัวอย่าง: BMW i3 REx, Chevrolet Volt
  5. e-POWER (เทคโนโลยีเฉพาะของ Nissan)
    • เครื่องยนต์สันดาปผลิตไฟฟ้าไปเก็บในแบตเตอรี่ จากนั้นแบตเตอรี่จ่ายไฟให้มอเตอร์ไฟฟ้าขับเคลื่อนล้อ 100%
    • ไม่ต้องเสียบชาร์จไฟจากภายนอก เติมน้ำมันแล้วระบบจะผลิตไฟเอง
    • ต้องดูแลเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า แต่เครื่องยนต์ไม่ต้องทำงานหนักเหมือนรถทั่วไป
    • ตัวอย่าง: Nissan Kicks e-POWER, Nissan Note e-POWER

ตารางเปรียบเทียบ:

ประเภทพลังงานหลักต้องชาร์จไฟภายนอกเครื่องยนต์ขับล้อความซับซ้อนในการดูแลความรู้สึกขับขี่
BEVไฟฟ้าล้วนต่ำฟิลลื่นไหลของมอเตอร์
PHEVไฟฟ้า + น้ำมันปานกลางฟิลลื่นไหลของมอเตอร์ สลับกับเครื่องยนต์
HEVน้ำมันเป็นหลักสูงฟิลลื่นไหลของมอเตอร์ สลับกับเครื่องยนต์
EREV / REEVไฟฟ้าล้วนปานกลางฟิลลื่นไหลของมอเตอร์
e-POWERน้ำมัน (ปั่นไฟ)ปานกลางฟิลลื่นไหลของมอเตอร์

สรุปข้อดีข้อเสียของแต่ละประเภท:

  • BEV
    • ข้อดี : ประหยัดพลังงาน, ดูแลรักษาน้อย, เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    • ข้อเสีย : ต้องพึ่งพาจุดชาร์จไฟ, วิ่งได้จำกัดตามความจุแบต
  • PHEV
    • ข้อดี : ยืดหยุ่น ขับไฟฟ้าได้ในเมือง น้ำมันได้ไกล, ลดค่าใช้จ่ายบางส่วน
    • ข้อเสีย : บำรุงรักษาทั้งสองระบบ
  • HEV
    • ข้อดี : ประหยัดน้ำมันกว่ารถทั่วไป, ไม่ต้องชาร์จไฟ
    • ข้อเสีย : บำรุงรักษาทั้งสองระบบ
  • EREV / REEV
    • ข้อดี : ได้อารมณ์ EV แต่มีแบตสำรอง, ลดความกังวลเรื่องระยะทาง
    • ข้อเสีย : บำรุงรักษาทั้งสองระบบ
  • e-POWER
    • ข้อดี : ขับเหมือน EV, ไม่ต้องชาร์จไฟ, เติมน้ำมันสะดวก
    • ข้อเสีย : บำรุงรักษาทั้งสองระบบ

รถยนต์แต่ละประเภทมีจุดเด่นและเหมาะสมกับรูปแบบการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป กลุ่มที่ต้องบำรุงรักษาสองระบบอาจมีความซับซ้อนที่แตกต่างกัน ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ใช้งานจริง สุดท้ายก็ขอฝากว่าให้เลือกรถประเภทที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์และการใช้งานของตัวเองได้นะครับ 😊